สำหรับคนในยุคก่อน คนที่อาบน้ำร้อน มาก่อนนั้น การใช้ชีวิตในอดีตไม่ได้สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบัน เมื่อไม่สะดวกสบายก็ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น
ทำให้คนในยุคก่อน มีสิ่งที่เรียกว่า “ความอดทน” มากกว่าคนในยุคปัจจุบัน ลอง นึกภาพการเดินทางโดยไม่มีรถไฟฟ้า การส่งข้อมูลโดยไม่มีอินเทอร์เน็ต
หรือแม้แต่อาหารการกินที่ไม่มีร้านสะดวกซื้อเหมือนในสมัยนี้ การทำงานก็เช่นเดียวกัน การที่ท่านนั้น มีเงิน มีงาน ตำแหน่งสูงๆ เงิน เดือน 5-7 หมื่น แต่ไม่มีเงิน เก็บเลย
1.พอได้เงินเดือนเพิ่ม ก็หาภาระมาใส่ตัวในทันที
เมื่อเดือนเพิ่มขึ้น การใช้ชีวิต สไตล์การใช้ชีวิต เสื้อผ้า หน้าผม ของใช้ ก็อยากที่จะได้ใหม่ ได้ของแบรนด์เน มที่มีมูลค่า
ทำให้คนอื่น มองแล้วรู้ว่าเราใช้ของแพง หรือในบางครั้งสิ้นปีโบนัสออ กมีการปรับเงินเดือน ก็เอาเงินก้อนไปดาวน์รถคันที่แพงมากขึ้น เพื่อให้คนรอบข้างเรารู้ว่าชีวิตของเรานั้น มีความเป็นอยู่ที่ดีมีเงิน มีทองใช้
2.อยู่กับปัจจุบัน แต่ไม่เคยมองอนาคต
คนบางคนในเวลาที่เจอปัญหาเยอะๆ แต่ก็ปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่ทำการแก้ไข และสิ่งนี้คือสูตรแห่งความหายนะมันจะติดเป็นนิสัยไปในเรื่องของการเงินของคุณ
ในบางทีเรารู้สึกว่าอยากได้ของสิ่งนี้เราก็ซื้อโดยที่ไม่คิดเพียงแค่ว่าอยากได้และต้องซื้อ ตอบสนองความต้องการของคุณ
แต่คุณลืมไปว่าสถานะการเงินของคุณนั้นเป็นอย่างไรหากในอนาคตคุณไม่มีเงินคุณจะทำอย่างไร คุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่ารายได้ของคุณในอนาคตนั้นจะดีแบบนี้อยู่หรือเปล่า
3.คิดว่าวันนี้ยังไม่ต้องรีบออมเงิน
การมีเงินเยอะมีเงินเดือนสูงหลายคน มักไม่ได้มองในเรื่องของการออมเงิน เพราะคิดว่ายังไงเราก็มีเงินใช้แต่หลายคน มักคิดผิดคุณควรที่จะเริ่มออมเงินเพื่อมีเงินไว้ใช้สะสมในช่วงที่เกษียณคุณควรวางแผนและตั้งเป้าห ม ายในชีวิตเพื่อจะไม่สร้างภาระให้กับลูกหลาน
อาทิเช่น การออมเงินก้อนที่จะลงทุนแล้วดอ กเบี้ยที่เราได้เข้าฝากธนาคารเอาไว้ เท่ากับเราได้ของฟรีแต่เงินต้นของเรานั้นยังเท่าเดิม
4.ไม่เคยจดบันทึกเรื่องการใช้เงิน
คนส่วนใหญ่แทบจะไม่เคยได้รู้ว่าในวันๆนึง เดือนนึงเราใช้เงินไปเท่าไหร่ หมดเงินไปกับอะไรบ้าง เพราะไม่เคยได้จดบันทึกรายรับรายจ่าย
ในการจดบันทึกรายรับรายจ่ายนั้นเป็นสิ่งที่ดีมากของทุกคนโดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนทำให้เราสามารถรู้ว่าเราได้เงิน มาและเราใช้เงินไปเท่าไหร่
มีเงินเก็บเหลือเท่าไหร่ ทำให้เรารู้จักการวางแผนการออมเงินของอนาคตได้ด้วย หลายคนละเลยในเรื่องนี้จึงทำให้ไม่มีเงินเก็บไม่มีเงินก้อน ผลสุดท้ายคือ “เงินไปไหนหมดเนี่ย” แต่ก็ตอบไม่ได้ แล้วจะประหยัดตรงไหนดี ก็ตอบไม่ได้เช่นกัน
5.แยกแยะไม่ออ กว่าอะไรจำเป็น อะไรแค่อยาก แถมยังไม่มีเป้าห ม ายทางการเงิน
ความอยากได้อยากมีความทะเยอทะยานอยากมีสิ่งของแพงๆ มนุษย์ส่วนใหญ่มักต้องการแบบนี้แต่ก็ไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นความอยากหรือเป็นความจำเป็น
ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆเช่น การเปลี่ยนโทรศัพท์เมื่อมีมือถือรุ่นใหม่ออ กมาก็คิดแค่ว่าจะต้องเปลี่ยน เพื่อความทันสมัย เพื่อ การถือที่ไม่อายใครคุณเพียงแค่คิดไปเองมันเป็นการอวดอ้างโดยที่ไม่จำเป็น
6.มีหนี้แต่ไม่รีบใช้
มีเงินเดือนเยอะแต่ไม่ใช้หนี้ คุณเคยลองสังเกตใบเสร็จรับเงินค่างวดผ่อนบ้านหรือเปล่า ว่าค่าดอ กเบี้ยมันแพงกว่าเงินต้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นๆ ของการผ่อน) แทนที่คุณมีเงินจะเอาไปโปะ
แต่คุณก็ปล่อยให้ดอ กเบี้ยมันเกิดขึ้น มาก เผลอๆมากกว่าเงินต้นด้วยซ้ำ เราขอแนะนำว่า หากคุณมีเงินก้อนเมื่อไหร่
ให้เอาไปจ่ายหนี้ที่ดอ กเบี้ยสูงสุดก่อนเสมอ ปิดให้เร็วที่สุด แม้ว่าจะมีโอ กาสให้คุณผ่อนได้นานชั่วชีวิตก็ตาม (ที่เป็นแบบนั่นก็เพราะว่ามันคือ วิธีทำมาหากินของธนาคารหรือเจ้าหนี้ยังไงละ)
7.อัพเกรดอุปกรณ์รอบกายตลอดเวลา
การตามแฟชั่นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม ของใช้ มือถือ การขับรถ ทุกคนล้วนต้องการที่จะมีความทันสมัยและตามแฟชั่นอยู่เสมอ โดยสิ่งของพวกนั้นต้องใช้เงินเป็นปัจจัยหลัก
ซึ่งในเงินเดือนหนึ่งเราจะหมดกับสิ่งพวกนี้เกือบจะครึ่งของเงินเดือนเลยก็ว่าได้ หากคุณมีความต้องการแบบนี้คุณจะไม่มีเงินเหลือเก็บ และจะไม่ทำให้คุณรวยขึ้น มีแต่ทำให้คนจนลง
เมื่อได้อ่าน มาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าหลายๆคนเป็นแบบข้อมูลข้างต้น เมื่อคุณได้อ่านและหากคุณคิดตามคุณก็จะรู้ว่าเดือนเดือนนึงคุณมีเงินเก็บเท่าไหร่เผลอๆแทบไม่มีด้วยซ้ำเลิกซะก่อนที่จะสายเกินไปต่อให้คุณมีเงินเดือน มากมาย
แต่ถ้าหากมี 7 นิสัยเรานี้ คุณก็จนอยู่ดีไม่มีวันรวยขึ้น ควรเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันตั้งแต่วันนี้ และหัน มาเก็บเงินออมเงิน มากขึ้นเพื่ออนาคตเพื่อครอบครัวของคุณ