พยายามหลายครั้งก็ทำไม่ได้ผลสักที ยิ่งคิดถึงความเจ็บปวด เจ็บแค้นที่เขาทำไม่ดีกับเราไว้ ยิ่งเพิ่มแต่ความเ п ลี ยดชัง
คนที่ทำร้ า ຢชีวิตเราให้ทุกข์ที่สุดนั้น
เขาเข้ามาในชีวิตเราเพื่อเป็นแบบทดสอบสำคัญให้ชีวิตเรา เป็นคนที่เราควรให้ค่ามาก
หากใจเรามีแต่ความเครียดแค้น ชิงชัง อยากให้ชีวิตเขาต้องถูกกระทำเหมือนเราบ้าง
นั่นคือ “จิ ต” ที่ไม่มีความรัก ความเมตตา กรุณา สังเกตใจของเราดูว่าเป็นอย่างนั้นอยู่หรือไม่?
หากคิดว่า เขาเหล่านั้นเป็นคนที่ “น่าสงສ า ร” ล่ะ
คนที่ทำร้ า ຢคนอื่น ไม่ว่าทางกาย วาจา ใจ เป็นคนที่ได้ทำกรรมไม่ดีไปแล้ว น่าสงສ า รที่เขาได้ทำกรรมไม่ดี
สักวัน เขาก็อาจจะต้องรับผลจากกรรมไม่ดีที่เขาทำไว้ ไม่ต้องไปสนใจหรอ ก ว่าเขาจะได้รับผลเมื่อไหร่
คนที่ทำร้ า ຢคนอื่น แล้วยังไม่รู้ว่าตนทำไม่ดี น่าสงສ า ร เพราะเขาจะทำกรรมไม่ดีซ้ำไปเรื่อยๆ จนตัวเขาชีวิตเขาเองจะหาความสงบสุขอย่างแท้จริงไม่ได้
คนที่ทำร้ า ຢคนอื่น ส่วนใหญ่จะเกิดจากภายในจิ ตใจของเขาเป็นคนไม่มีความสุข จริงๆ แล้วเขาเป็นคนอ่อนแอ แก้ปัญหาของตนที่ต้นเหตุไม่ได้ จึงเป็นคนน่าสงສ า ร เราจึงไม่ควรไปถือสา
เมื่อเรามีใจคิดอยากอภัยและปล่อยวางแต่ทำไม่ได้สีกที นั้นถือเป็นเรื่องที่เดินทางถูกแล้ว มาทางถูกแล้ว เหลือแค่ปฏิบัติและพยายาม
วิธีก็คือ เมตตา กรุณาต่อเขาเหล่านั้น มองเขาเป็นเสมือนเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราคนหนึ่ง
หมั่นสวดมนต์ แผ่เมตตาไปให้เขาเหล่านั้นบ่อยๆ ปรับวิธีการคิดว่าเขาเป็นคนน่าสงສ า ร เขาต้องรับผลของกรรมที่ก่อไว้จำนวน มาก
เราผู้เผชิญกับความเจ็บปวด ความทุกข์เหล่านั้น มามากแล้ว เรารู้รสชาติแล้วว่ามันทุกข์ทรมานเช่นไร และเมื่อเขาต้องได้รับบ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง เขาจะทุกข์สาหัสสักเพียงใด
ข้าพเจ้าย้ำเตือนหลายครั้งว่า เวลาโกรธแค้นใครมากๆ อย่าไปສ า ป แ ช่ งใครเขา เพราะเมื่อเราคิดไม่ดี โกรธแค้นเขา ความคิดไม่ดีคำพูดไม่ดีมันก็เกิดจากตัวเรานี่แหละ เราได้รับเองก่อนเสมอ
วางใจให้รู้จักรัก เมตตา กรุณา ฝึกให้บ่อยคำว่าอภัยไม่ได้ ยึดมั่นถือมั่น มันจะหลุดพ้นเอง มันจะคลาย มันจะปล่อยวางเอง