ความสุขจริงๆแล้วมีอยู่รอบตัว และหาไม่ยากซึ่งความสุขบางอย่างนั้น เราสามารถทำมันได้ดว้ยต้นเองโดยเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ
1. ดื่มน้ำทุกชั่วโมง
ในหนึ่งวันเรามักจะยุ่งวุ่นวายจนลืมดื่มน้ำ มีวิธีแก้คือ วางแก้วน้ำหรือขวดน้ำไว้ใกล้ๆมือ จิบน้ำให้บ่อย
ถ้าหากปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำจนน้ำหนักตัวลดลงแม้แค่ 2% จะมีผลทำให้ความจำระยะสั้น และทักษะการแก้ปัญหาลดลง
2. ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ
รอยยิ้มที่มาจากใจจริงๆ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนรับรู้ความสุข หากวันไหนรู้สึกเศร้าจนยิ้มไม่ออก
ลองหาดูอะไรที่ตลกๆ หรือเลือกอยู่ใกล้กับคนอารมณ์ดี เพราะคนเรามีแนวโน้มเลียนแบบอารมณ์ของคนที่พูดคุยด้วย
3. อย่าอยู่ในอิริยาบถเดิมนานๆ
ทุก 2-3 ชั่งโมง คุณควรเช็คท่านั่งของตัวเอง เพื่อบุคลิกภาพที่ดี ท่าที่เห ม าะสมคือ นั่งให้สะ โพกและไหล่อยู่ในแนวตรงกัน ไม่ต้องถึงกับหลังตรงมากเกินไป ต้นขาขนานพื้น
โดยให้ข้อเท้าอยู่ล้ำหัวเข่าออกไปเล็กน้อย หากต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานควรผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
โดยนั่งหลังตรง กางแขนทั้งสองขึ้นด้านข้างระดับไหล่ งอศอกให้มือทั้งสองแตะศีรษะ แล้วบีบสะบักหลังเข้าหากัน ค้างไว้ 3 วินาที ทำซ้ำ 3 ครั้ง
4. จินตนาการถึงเรื่องดีๆ
ก่อนเข้านอน ใช้เวลาแค่ 2-3 นาที วาดฝันเรื่องที่ทำให้คุณมีความสุข เช่น ทริปสุดสนุกช่วงพักร้อน ดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับหวานใจ
หรือคำชมจากเจ้านาย เทคนิคนี้ช่วยให้หลับได้เร็ว และหลับสนิทมากขึ้น ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจและสมาธิ
5. ผูกมิตรเพื่อนใหม่
ไม่ว่าคุณจะเป็นคน มีมนุษยสัมพันธ์ดีหรือไม่ ก็ไม่ควรละเลยการทำความรู้จักผู้คนใหม่ๆ เพราะจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและเปิดโลกทัศน์ของตนเอง
ที่สำคัญคือ เป็นผลดีต่อหัวใจ งานวิ จัยเคยพบว่า คนที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น มีความดันโลหิตต่ำกว่าคนที่ไม่เข้าสังคม
ซึ่งมักจัดการความเครียดด้วยวิธีที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และระดับคอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้น
6. ใกล้ชิดธรรมชาติ
การลงมือพรวนดินใส่ปุ๋ย รดน้ำต้นไม้ หรือเดินชมนกชมไม้ อยู่ใกล้ดอกไม้ ทำให้อารมณ์ดีขึ้น และลดความวิตกกังวล การศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า
เพียงได้ชมดอกไม้หรือไม้กระถางต้นเล็กๆชั่วครู่ในตอนเช้าช่วยให้สดชื่นไปตลอดทั้งวัน
เพราะหากได้สูดกลิ่นไอดินจะทำให้สมองห ลั่ งส า รความสุขออกมามากขึ้น
7. ฟังเพลงขณะเดินทาง
การฟังดนตรีจังหวะสบายๆ จะช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ป้องกันไม่ให้ระดับฮ อ ร์ โมนความเครียด ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มสูงจนเกินไป
ยิ่งร้องตามไปด้วยยิ่งส่งผลดี เพราะการร้องเพลงช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและลดฮ อ ร์ โมนความเครียด แถมยังเป็นการช่วยปลดปล่อยอารมณ์ตึงเครียด
8. เลือกอาหารมีประโยชน์
ผู้ที่ทำอาหารกินเองบ่อยๆ มีแนวโน้มกินผักและผลไม้มากขึ้น และรับไขมันเข้าสู่ร่างกายน้อยลง เมื่อเทียบกับคนที่มักกินตามร้านหรือซื้อมากิน
เป็นเพราะคุณสามารถเลือกส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพมาใส่ในจานโปรดของคุณได้ ในทุกๆสัปดาห์ ควรซื้อผักผลไม้สด
และเนื้อสั ต ว์ไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา สิ่งที่ควรซื้อติดบ้าน ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ น้ำมัน มะกอก ทูน่ากระป๋อง ซอสมะเขือเทศ เครื่องเทศต่างๆ รวมทั้งของกินเล่น ประเภทผลไม้อบแห้งและถั่ว
9. ทำความสะอาดบ้าน
บ้านที่สะอาด ข้าวของเป็นระเบียบ ปราศจากฝุ่นและเชื้อโรค นอпจากดีต่อสุขภาพร่างกาย ยังทำให้จิ ตใจแจ่มใสและอารมณ์ดีขึ้นด้วย
พบว่า 98% ของคนทั่วไปรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นเมื่อบ้านสะอาด หยิบก็ง่าย หายก็รู้ ดูก็งามตานะคะ
10. ห่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าบ้าง
ทั้งโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ จะทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเลิกไปเลย แต่เลือกเฉพาะช่วงเวลาที่จำเป็นเท่านั้น
แล้วหัน มาใช้เวลากับตนเอง ครอบครัว หรือเพื่อนฝูงมากขึ้น โดยชวนกันไปออกกำลังกาย กิน มื้อเย็น ไปเดินห้าง
หรืออาจทำสิ่งที่ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือเล่มโปรด หรือขัดสีฉวีวรรณครั้งใหญ่ จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
11. วัดรอบเอว
ไม่ใช่เพื่อรูปร่างภายนอпเท่านั้น แต่เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย หากคุณมีรอบเอว 35 นิ้ว หรือเกินกว่านั้น แสดงว่าคุณมีไขมันหน้าท้องมากเกินไปแล้ว
ทำให้เสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง เริ่มวัดรอบเอวเดือนละครั้ง ตั้งแต่วันนี้
หากพบว่ามีขนาดเกิน มาตรฐาน ควรหาหนทางลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี เช่น ออกกำลังกาย ลดปริมาณอาหาร กินผัก ผลไม้ ข้าวไม่ขัดสี และเนื้อสั ต ว์ไม่ติดมันเป็นประจำ ฯลฯ