“คนที่เรารัก อาจไม่ใช่คนที่เราครอบครอง คนที่เราได้ครอบครอง อาจไม่ใช่คนที่เรารัก”
เรื่องของความรักนั้น มันเกิดกับมนุษย์สองคนก็จริง แต่ไม่ได้ห ม ายความว่า “รัก” ครั้งนั้น
จะประสบความสำเร็จ เสมอไป หลายครั้งที่คนเรารักกันแล้ววืด หรือ “ก้าวพลาดจนเผลอตกบันได” เพราะมีปัจจัยเสริมหลายอย่าง
ทำให้อยู่ด้วยกันไม่ได้….ทั้งที่ใจนั้น อาจรักกัน ปานจะกลืน แต่อนิจจา เขาดัน มีคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว เหตุนี้เมื่อเวลาเราจะเลือกคู่
แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเรารักใคร แต่ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่า เป็นไปไม่ได้ ทำให้เราต้องไปเลือกคนอื่น มาอยู่ด้วย เรียกว่า ผิดฝา ผิดตัว ก็เลยทำให้เกิด อารัมภบท ของยาขอบ ข้างต้นขึ้น มานั่นไง
หลายคู่หากลงเอยกันทำนองนี้ ขอให้อย่าคิดอะไรมาก คิดซะว่า รักมันก็เป็นเช่นนี้เอง คือแม้เราไม่สมหวังในรัก แต่ก็ยังมีคนที่มารักเราอยู่ – แบบนี้ก็น่าจะพอใจแล้ว ใช่ไหม
“ผ ช.จะเลือกรักแรกของผ ญ. แต่ผ ญ.มักเลือกรักสุดท้ายของผ ช.” นี่ขนาดเธอเขียนไว้หลายสิบปีแล้ว แต่ยังปรากฏว่า คำพูดยังดำรงความจริง ชนิดไม่ค่อยจะเปลี่ยนสักเท่าไหร่
“การมีชีวิตอยู่คนเดียวในโลกไม่ต้องใช้ฝีมือ แต่การมีชีวิตคู่ต่างหากล่ะที่ถือว่า เป็นพัฒนาการในด้านจิ ตใจ”
ก็จริงของเขานะที่ว่า การมีชีวิตโสดน่ะ ไม่เห็นต้องใช้ฝีมือ ในการดำรงชีวิตอย่างไรเลยเพราะเราอยู่ตัวคนเดียว ทำอะไรคนเดียว
จะต้องไปแคร์ใคร ให้มันยุ่งยาก ทว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่คุณไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก แต่เกิดมีใครสักคน มาอยู่ด้วยเป็น
“สองเรา” นี่สิ คุณคิดหรือว่า การดำเนินชีวิต มันจะง่ายเหมือนเมื่อครั้งที่ต้องอยู่คนเดียว ตามลำพัง… น่าคิดนะจ๊ะข้อนี้
“อย่าแต่งงานเพื่อหนีความเหงา และความว้าเหว่ (เลยแม่คุณเอ๋ย) เพราะถ้าแต่งงานไป (แล้วเกิดไปกันไม่ได้จริง) คุณจะยิ่งเหงาและว้าเหว่หนักขึ้น” ขอทิ้งทวนแต่ไม่ทิ้งท้าย เอาไว้ว่า
“การเลือกคู่ครองที่ดี คือการมองอนาคตของกันและกัน” เพราะอย่างว่า
“ความรัก” ควรมีพัฒนาการ ส่วนจะเป็นการก้าวกระโดดไปในทางที่ดี หรือร้ า ย ก็ขึ้นอยู่กับนักรักมืออาชีพอย่างคุณๆ ทั้งหลายนั่นแหละ
ที่มา เมอร์ลิน