ถ้าความรักเป็นเรื่องของจิ ตใจจริงล่ะก็ แล้วทำไมยังห ล งเ ส พสุขกับเปลือпนอпอยู่?
ทำไมจึงยังห ล งสมมุติโลกว่าต้องเป็นแฟนกันหรือแต่งงานกัน? เป็นเพื่อนกันไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
การที่เราจะรู้ได้ว่าเรารักด้วยใจจริงหรือไม่นั้น ต้องทดสอบด้วยการปลดเปลื้องสิ่งที่ไม่จำเป็นออก ในกรณีที่เราไปรักคนอื่น
เราอาจจะต้องค้นใจตัวเองว่า คนดีมีตั้งมากมาย เราไปรัก ไปห ล ง ไปเ ส พอะไรกับเป้าห ม ายคนนี้อยู่ ถ้าเขาหน้าตาไม่ดีล่ะ บ้านจนล่ะ
ทำงานที่ดูแล้วไม่น่าเจริญล่ะ เป็นคนที่ผู้อื่นไม่ยอมรับล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเป็นคนจิ ตใจดีนะ เรายังจะรักเขาอยู่หรือไม่ หรือเรายังต้องการปัจจัยพื้นฐานเพื่อเ ส พสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่
ถ้ามีคน มารักเราก็ลองดูซิว่าเขามาเ ส พอะไรจากเรากันแน่ คุณสมบัติพื้นฐานทางโลกีย์นั้นอาจจะลดได้ยาก
แต่เราก็สามารถใช้ศีลเข้ามาคัดกรองได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราหน้าตาดีเราก็เลิกแต่งตัวแต่งหน้าเสีย
ถ้าเราฐานะดีเราก็สร้างนิสัยประหยัดอดออม ถ้าเราหน้าที่การงานดีก็หัดออпไปทำงานฟรี ทำงานจิ ตอาสาบ่อยๆ
หรือถ้าเราเป็นคนที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับมาก ก็ให้เราลดความห ล งในตัวตน เช่น ยอมเป็นผู้น้อยสำหรับใครสักคน
ยกตัวอย่างเช่น ยอมยกพระพุทธเจ้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และน้อมรับคำสอนและวิธีปฏิบัติของท่าน มาใช้
วิธีที่ยกตัวอย่างมานี้ก็ทำเพื่อที่จะคลายข้อสงสัยว่า แท้จริงแล้วเขารักเราที่ใจหรือรักเปลือпที่ห่อหุ้มเราอยู่
เปลือกแห่งโลกี ย์นั้น มีดูเหมือนสิ่งที่น่าได้น่ามี คนเขลาย่อมเข้าใจว่ามีรสหวาน ซึ่งคงไม่มีใครอยากรับเอาคนที่หวังจะเ ส พสุขแค่เปลือпเข้ามาในชีวิตแน่นอน
แต่เราก็มักจะห ล งทำในทิศทางตรงกันข้าม เมื่อมีใครที่เราชอบเข้ามาในชีวิต เราก็จะเริ่มแต่งตัว ทำตัวเองให้ดูดี
พรั่งพร้อมไปด้วยก า ม ลาภ ยศ สรรเสริญ ทั้งหลายเพื่อให้เขาเข้ามาสนใจเรา ใช้ความเป็นโลกีย์ล่อเ ห ยื่ อที่เราอยากเ ส พเข้ามาในชีวิต แล้วเราจะได้พบกับคนที่รักด้วยใจได้อย่างไร?
เราสามารถใช้ข้ออ้างว่าการคบกันก็ควรมีความเห ม าะสมกันบ้าง นั่นห ม ายถึงความต้องการพื้นฐานทางโลกีย์
ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่าเรามีมาตรฐานในการยอมรับการสนองกิ เลสขั้นต่ำได้มากน้อยเท่าไหร่
และนั่นก็ห ม ายความว่าเรายังมีกิ เลสเท่าไหร่ ถ้ามีมากก็ต้องการมาก ถ้ามีน้อยก็ต้องการน้อย
การรักที่ใจอย่างแท้จริงนั้น จะมองข้ามเปลือпแห่งโลกีย์ที่ห่อหุ้มอยู่ จะสามารถข้ามผ่านสมมุติโลกที่หลอກให้เราห ล งเ ส พห ล งติดห ล งยึด
ไม่ว่าจะเป็นการคบหากันเป็นแฟนหรือคู่แต่งงาน ซึ่งจะก้าวข้ามสิ่งที่ไร้ส า ระเหล่านั้นไปเสีย เหลือแต่คุณค่าแท้จริงของจิ ตวิญญาณดวงหนึ่งที่ควรได้รับความรัก
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่สมควรได้รับความรักเลย เราจึงควรเพิกถอนความห ล งติดห ล งยึดในตัวบุคคล
กระจายความรักออпไปโดยไม่ต้องมีกรอบใดๆมาขวางกั้นพลังแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณนี้